วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

อีกวิธีหนึ่งที่เสริมให้น้องบลายธ์เราสวยขึ้น



สำหรับใครที่มีน้องบลายธ์อยู่แล้วนะค่ะ ถ้าอยากเปลี่ยนน้องบลายธ์ให้ดูสวยขึ้น ก็ลอ งใหม่ขนตาน้องบลายธ์ดูค่ะ น้องบลายธ์ของเราก็จะได้สวยขึ้นไงค่ะ วิธีเปลี่ยนขนตาก็ไม่ยากเลยค่ะ ใช้ขนตาปลอมแค่ข้างเดียวเองค่ะ ลองทำดูนะค่ะ


1. ก่อนเปลี่ยขนตาที่ไม่เป็นรูปทรง
2. ใช้แหนบถอนขนตาเก่าออกก่อน หลังจากดึงขนตาออกมาแล้วมันจะเหลือเศษกาวอยู่ในร่องตา ให้ใช้คัตเตอร์ปลายแหลม เซาะร่องที่ติดเศษกาวออกหรือจะเอาสำลีชุบน้ำโป๊ะขนตาไว้ก่อนที่จะดึงออกก็ได้
3. เตรียมขนตาที่ตัดแบ่งครึ่งไว้
4. เตรียมแหนบไว้สำหรับคีบขนตา
5. พอดึงขนตาออกหมด ก็เริ่มติดขนตา ส่วนกาวที่ใช้ติดจะใช้กาวยู้ฮู้แบบน้ำหลอดเหลือง
6. เมื่อติดขนตาเสร็จสองข้างน้องบลายธ์เราก็จะสวยขึ้นค่ะ ลองทำดูน่ะค่ะไม่ยากเลย

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วิธีสระผมให้น้อง Blythe

1. ระวังแสกหาย ควรเอาแซมพูผสมน้ำ มาขยุ้มๆเฉยๆไปตามทางของผม ไม่ต้องพลิกไปพลิกมา ถ้าหายจะกลายเป็นตุ๊กคาหัวโล้นนะ
2. ถ้าตัวไหนผมน้อย สระด้วยแซมพูเฉยๆเพราะถ้าลงครีมนวดด้วย ผมจะมันมาก ติดเป็นก้อน...แต่ถ้าผมหนามาก ก็ใส่ครีมนวดเลย ผมจะได้นิ่ม
3. ผมม้า ก็ต้องระวัง เมื่อสระเสร็จแล้ว ควรซับให้มาดหน่อย เพราะถ้าน้ำไหลมาโดนขนตา ขนตาก็จะหลุดออกหมดเลย
4. อยากได้ทรงไหน ผมงุ้มแค่ไหน จัดทรงตอนผมเปียก แล้วปล่อยให้แห้งไปอย่างนั้นเลย ไม่ต้องไดร์นะ พอแห้งก็จะได้ทรงผมที่งดงามเหมือนเราจัดไว้


ตัวอย่างทรงผมน้องบลายธ์

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

CWC Limited Edition: PARCO Limited ตุ๊กตาบลายธ์สัญชาติญี่ปุ่นตัวแรก

CWC Limited Edition: PARCO Limited เป็นตุ๊กตาบลายธ์ที่หายากมากๆ ในปัจจุบันนี้ เพราะความสำเร็จของ CWC Limited Edition: PARCO Limited นั่นเองตุ๊กตาบลายธ์ ถึงได้กลับมาผงาดอีกครั้ง ถือเป็นรุ่นบลายธที่นำโชคอย่างแท้จริง หลังจากรุ่นนี้ไปได้แสดงประกอบโฆษณาของห้าง PARCO แล้ว สร้างความประทับใจให้เหล่าคนรักตุ๊กตาในประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก จนถึงกับลืมตุ๊กตาตัวเก่าที่มีหรือหันกลับมาเล่นตุ๊กตากันใหม่เลยทีเดียว สาวๆ ญี่ปุ่นแทบจะทุกคนในสมัยนั้น 2002 อยากได้ CWC Limited Edition: PARCO Limited กันแทบทั้งนั้นละค่ะ ปัจจุบันในเมืองไทยไม่ทราบว่ามีอยู่บ้างรึปล่าว

"Petite Blythe" น่ารักสุดใจบลายธ์ตัวจิ๋ว



"น้องบลายธ์ตัวจิ๋ว" หรือ Petite Blythe ถือกำเนิดมาครั้งแรกใน เดือนมิถุนายน ปี 2002 ซึ่งก็คือ ครบรอบ 1 ปีหลังจากที่ CWC และ Takara ได้ผลิต Blythe รุ่นแรก (CWC Limited Edition: PARCO Limited) ในโอกาสครบรอบ 1 ปีนี้ น้องบลายธ์ตัวใหญ่จึงมีคำนำหน้าว่า NEO
Petite Blythe ตัวเล็กจะแตกต่างจาก Neo Blythe ตัวใหญ่ ก็คือ มีขนาดเพียง 4 นิ้ว และมีสีตาสีเดียวเท่านั้นค่ะ ... เรื่องของราคานั้นก็ย่อมเยาไปตามขนาดเช่นกันค่ะ อย่างเจ้าตัวเล็กนี่ก็สนนราคาอยู่ที่ราวๆ สามพันบาท ส่วนความเป็นมาของน้อง Petite Blythe นั้นก็เป็นเช่นนี้ค่ะ
ปี 2002
Petite Blythe รุ่นแรกๆ จะไม่สามารถปิดตาและโพสท่าได้ และมีสายห้อยสำหรับพวงกุญแจตุ๊กตา Petite Blythe รุ่นแรกที่ผลิตออกมาก็คือ PBL Kozy Kape Inspired และมี Petite Blythe แบบนี้ผลิตออกมาประมาณ 15 รุ่น

ปี 2003
ต่อมาใน ปี 2003 CWC ก็ได้ออก น้อง Petite Blythe รุ่นใหม่ (New Eye & Body versions) ที่สามารถ โพสท่า และปิดตาได้ เมื่อจับตัวตุ๊กตานอนลง แต่ในส่วนรองเท้าก็ยังเป็นเพนท์สีเหมือนเดิม รุ่นแรกที่ผลิตออกมาเป็นแบบ New Eye & Body type ก็คือ PBL-16: Hollywood Returns

ภาพของ Petite Blythe Cutie March (PBL-39) ซึ่งเป็นแบบ New Eye and Body เวลาถอดเสื้อผ้าจะเห็นข้อต่อ ซึ่งทำให้ขยับแขน-ขา ได้ รวมถึงจะเห็นว่าส่วนรองเท้าจะเป็นการเพนท์สี และจะสังเกตได้ว่าจะไม่มีเสื้อผ้าชั้นใน จะเป็นทาสีเช่นกัน ไม่เหมือนกับ Neo Blythe ตัวใหญ่ที่จะมีเสื้อผ้าจริงค่ะ


ปี 2004
และในปี 2004 CWC ได้ออก Petite Blythe ที่มีคำนำหน้าว่า “Perfect” ซึ่งก็คือการนำ Petite Blythe ในเวอร์ชันแรกออกมาทำใหม่ เป็นแบบ New Eyes & Body type ซึ่งก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เช่น Perfect Rosie Red, Perfect Preisley Star และ Perfect Asian Butterfly

ปี 2006
จนกระทั่ง ปลายปี 2006 จึงมี Petite Blythe เวอร์ชันใหม่ที่สามารถเปลี่ยนรองเท้าได้ และไม่ได้ใช้วิธีการเพนท์สีอีกต่อไป Petite Blythe ที่ออกมาเป็นแบบ TIPTOE ในเดือนพฤศจิกายนก็คือ Alps Letter และ Skate Date Returns จนถึงรุ่นปัจจุบันนี่ล่ะค่ะ







วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ตุ๊กตาหรือคนกันแน่


วันนี้เราจะนำตุ๊กตาที่เหมือนคนที่สุดมาให้ดูกันค่ะ โดยประเทศญี่ปุ่นเป็นคนทำ อยากถามคุณผู้ชายว่า จะให้เลือกเล่นตุ๊กตาจะเลือกเล่นแบบไหนค่ะ สำหรับคุณผู้หญิงไม่ต้องบอกก็รู้ก็ต้องเลือกเล่นน้องบลายธืใช่ไหมค่ะ เหมื่อนคนทุกอย่างงทั้งรูปร่างลักษณะท่าทาง ถ้ามีรูปหรือข้อมูลเพิ่มเติมจะเอามาให้ชมใหม่นะค่ะ













วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

บลายธ์ ลูมิ บาบี้ 3 ตุ๊กตายอดนิยมแห่งยุค

สำหรับใครที่ว่างๆไม่มีอะไรทำน่ะค่ะ สามารถใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการเล่นตุ๊กตาได้ค่ะ เราก็มีตุ๊กตามาแนะนำที่ยอดนิยมแห่งยุคค่ะ
1.บลายธ์ กำเนิดอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1972 จากโรง Kenner สหรัฐอเมริกา ในตอนแรกได้จัดทำตุ๊กตาออกมาถึง 4 แบบคือ Blythe, Karess, Willow และ Skye ต่อมาทางโรงงานก็ได้จ้างดีไซน์เนอร์มาช่วยออกแบบให้ ซึ่งทำให้ตุ๊กตาสามารถเปลี่ยนสีลูกตาได้ แถมมีเครื่องแต่งกายมากมายที่สลับสับเปลี่ยนกันแทบไม่รู้จบ อย่างไรก็ตาม แต่แทนที่จะไปได้สวยกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะหน้าตาและสีสันของมันทำให้เด็กกลัวมาก จนต้องหยุดผลิตทั้งที่เปิดตัวได้เพียงแค่ปีเดียว ไม่นานนักก็เลิกใจการไปถึง 30 กว่าปีหลังจาก 30 ปีผ่านไป ตุ๊กตาไบลทธ์ก็กลับมาอีกครั้ง และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากการที่ Gina Garan โปรดิวเซอร์สาวชาวอเมริกาได้รับมอบตุ๊กตาจากเพื่อน และเธอก็พาไบลทธ์ไปกับเธอแทบทุกที่ทั่วโลก และถ่ายภาพจากกล้อง SLR โดยมี Blythe เป็นนางแบบ ภาพของเธอถูกนำมารวมเป็นหนังสือชื่อ This is Blythe และ Finecracker Altemative Book ผลก็คือ Gina Garan โด่งดังและนำพาให้ตุ๊กตาไบลทธ์ก็กลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง และเมื่อบริษัท Tokoro ของประเทศญี่ปุ่นได้ลิขสิทธิ์ผลิตตุ๊กตา จึงทำการประชาสัมพันธ์จนทำให้ไบลทธ์เป็นที่รู้จักมากมาย ด้วยการยกให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดัง และทำให้มีส่วนร่วมกับวงการแฟชั่นด้วยการหาแบรนด์เนมต่างๆ มาสนับสนุนทำให้วันนี้ไบลทธ์ กลายมาเป็นตุ๊กตาที่มีราคาขึ้นมาทันที ปัจจุบันราคาอยู่ที่หลักหลักพันจนไปถึงหมื่นบาทขึ้น

2. ลูมิ Lumi doll เป็นตุ๊กตาอีกรุ่นของ Ball Jointed Dolls หรือตุ๊กตาแบบที่มีข้อต่อที่ขยับได้หลายท่า เป็นตุ๊กตาสัญชาติเกาหลี ผลิตโดยบริษัท Latidoll อาจแตกต่างจากตุ๊กตาทั่วไปตรงที่ไม่ได้ทำมาจากพลาสติก แต่ทำจากวัสดุโพลียูรีเทน (Polyurethane) ซึ่งมีความทนทาน ความยืดหยุ่น เนื้อของตุ๊กตาจะคล้ายๆ กับเรซิ่นเกรดดี มีความเงางามในตัว แลดูเสมือนคนจริงๆ ที่สำคัญใช้แรงงานคนในการผลิต เพราะมีข้อต่อเยอะ อีกทั้งยังต้องขัดแต่งส่วนประกอบต่างๆให้สมบูรณ์ ก่อนจัดส่งให้ลูกค้า ทำให้ต้องใส่ใจกับรายละเอียดต่างๆ ค่อนข้างมาก ดังนั้น Lumi doll จึงมีราคาแพงกว่าตุ๊กตาปกติทั่วไป เนื่องจากเป็นงานแฮนด์เมดLumi doll มีให้เลือกหลายรุ่น หลายแบบ หลายสไตล์ มีลักษณะเป็นตุ๊กตาแก้มป่อง ตากลมโต รูปร่างสมส่วน สีหน้าและแววตาแสดงความรู้สึกบ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี สามารถตกแต่งได้ทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า ใบหน้า วิกผม รองเท้า และมีเครื่องประดับมากมายให้แต่งตัวตุ๊กตากันได้ไม่เบื่อ เช่น ถุงน่อง รองเท้า หมวก ก็ปรับเปลี่ยนตามแต่ใจเราต้องการ ที่สำคัญสามารถเปลี่ยนสีตาได้มากกว่า 1 สี ทั้งนี้ Lumi doll ยังมีฝาแฝดอีกหนึ่งตัวคือ Lami Doll โดย Lami และ Lumi มีความแตกต่างกันที่ Lami จะดูออกแนวเข้มแข็ง เป็นสาวสปอร์ตเกิร์ล ชอบออกกำลังกาย ดูเป็นสาวร่าเริงสดใจ มีเพื่อนเยอะ ในขณะที่ Lumi จะดูบุคลิกเป็นเด็กเงียบๆ เรียบร้อย หน้าตาอ่อนโยน รักสันโดษ ชอบของสวยงาม ออกแนวคุณหนู มีความสามารถทางด้านศิลปะ ชอบสะสมเครื่องประดับ เครื่องสำอาง และของสวยๆ งามๆ

3. บาบี้ กำเนิดอย่างเป็นทางการในปี 1959 ในงานอเมริกันทอย แฟร์ หลังจากมีการก่อตั้งบริษัท แมตเทล ในปี 1944 โดยเอลเลียด แฮนด์เลอร์ และ ฮาโรลด์ แมคสัน ซึ่งภายหลังแมคสันขายเลอร์หุ้นส่วนหนึ่งของตัวเองให้แฮนด์เลอร์ ทำให้แฮนด์เลอร์กับภรรยาของเขาเข้ามาทำธุรกิจนี้อย่างเต็มตัว ในงานของเล่นที่นิวยอร์ก เมื่อปี 1959 แมตเทลจึงออกผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า "บาร์บี้" เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นตุ๊กตานางแบบวัยรุ่นที่สวมชุดว่ายน้ำลายขาวดำ พร้อมกับแว่นกันแดดสุดเปรี้ยว รองเท้าส้นสูง ตุ้มหูห่วงสีทอง และผมหางม้าสูง 29 เซนติเมตร หนัก 11 ออนซ์ โดยชื่อบาร์บี้นั้นมาจากชื่อลูกสาวของแฮนด์เลอร์ต่อมาตุ๊กตาบาร์บี้ได้รับความนิยมอย่างสูง จึงทำให้มีสร้างเป็นเรื่องราวออกมาว่าบาร์บี้เกิดที่ เมืองวิลโลว์ ที่วิสคอนชิน มีชื่อจริงว่า บาร์นี้ มิลลิเซ็นต์ โรเบิร์ดส์ เป็นบุตรสาวของ มาการ์เร็ด โรเบิร์ดส์ กับ โรเบิร์ด โรเบิร์ดส์ โดยมีน้องสาว ชื่อว่า สกิปเปอร์ ทูตติสเคซี และเคลลี พร้อมเพื่อนสนิทอย่างมิดจ์ บาร์บี้ได้เข้าเรียนในระดับไฮสคูลที่โรงเรียนวิลโลว์ ในเมืองวิลโลว์ รัฐวิสคอนชิน และเริ่มออกเดทกับเคนในปี 1961 ทั้งสองเป็นคู่รักที่สวีทกันมาตลอดว่า 40 ปี แต่แล้วความเปลี่ยนแปลงก็มาถึง กระแสของการแสวงหารักใหม่เข้ามามีบทบาทเหมือนคนจริงๆ เพราะสาวบาร์บี้แอบมีกิ๊กจนเลิกกับเคนในปี 2005 หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตสาวโสดอย่างสนุกสนามตามเทรนด์แฟชั่นที่เข้ามาในแต่ละปีการผลิตเสื้อผ้าให้ตุ๊กตาบาร์บี้นั้นมีแบบต่างๆ ให้เลือกมากกว่า 500 แบบ จำหน่ายในกว่า 150 ประเทศ มียอดจำหน่ายมากกว่า 1 พันล้านตัว ราคาบาร์บี้สำหรับเด็กประมาณตัวละ 400-500 บาท หากเป็นรุ่นสะสม ก็จะมีราคา 1,100 บาทขึ้น แต่ถ้าเป็นรุ่นเก่าหายาก ก็จะมีราคาตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทขึ้นไปครับ

คู่แข่งบลายธ์


กระแสตุ๊กตากำลังมาแรงในยุคนี้ เป็นที่รู้จักกันดีว่าตุ๊กตาที่สามารถปรับแต่งได้ เปลี่ยนทรงผมได้ เปลี่ยนสีตาได้ได้ ตามที่เราต้องการ เมื่อกระแสนิยมมาก ตุ๊กตาก็เริ่มผลิตมาแข่งกันซึ่งเมื่อบลายธ์เป็นที่นิยมในตอนนี้ก็ย่อมต้องมีคู่แข่งอย่า ตุ๊กตา lumi doll สาวน้อย แก้มป่อง ตาแบ๊ว ถื่อว่าเป็นค่แข่งของน้องบลายธ์ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ซึ่ง ตุ๊กตาน้องใหม่ "ลูมิ ดอลล์" (Lumi doll) เป็นตุ๊กตาหน้าหว๊านหวาน... ตาโต๊โต... แบ๊วแบ้ว... สัญชาติเกาหลี จากบริษัท Lati แต่งหน้าแบบไหนก็ได้ตามใจชอบอีกแล้ว ขอบอกว่า แอ็กเซสเซอรี่ ของ น้อง "ลูมิ ดอลล์" นั้น มีเยอะพอๆ กับ น้องบลายธ์เลยล่ะค่ะ น้อง "ลูมิ ดอลล์" มีให้เลือกหลายรุ่น หลายแบบ หลายสไตล์ เป็น ตุ๊กตาแก้มป่อง ตากลมโตบ๊องแบ๊ว รูปร่างสมส่วน สีหน้า และแววตาแสดงความรู้สึก บ่งบอกอารมณ์ ได้เป็นอย่างดี นอกจากจะจับ แต่งตัว แต่งหน้าได้แล้ว ยังมี หมวก วิกผม รองเท้า ถุงน่อง และของตกแต่งอื่นๆ อีกเพียบ แถมยัง เปลี่ยนสีตาได้ เหมือนกับน้องบลายธ์อีกด้วยแหละค่ะ และที่เริ่ดมาก ก็คือ มีน้อง "ลูมิ ดอลล์" แบบผิวสีแทน (Special Version) ด้วย ขอบอกว่าน้อง "ลูมิ ดอลล์" นี่ หน้าตาน่าร๊าก...น่ารัก... แต่ตุ๊กตา ลูมินี้ยังไม่มีขายในประเทศไทยนะค่ะ ถ้าอยากได้ก็ต้องสั่งซื้อจากเกาหลีค่ะ ถ้ามีขายเกี่ยวกับตุ๊กตาหรือเป็นคู่แข็งน้องบลายธ์ เราจะเอามาอัปเดพให้รู้น่ะค่ะ

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

บลายธ์


บลายธ์ คือใคร
อ่านออกเสียงว่า ' Blahyth ' หรือ ' Blind ' เธอคือตุ๊กตาวินเทจเจ้าเสน่ห์ที่ถูกออกแบบขึ้นในปี 1972 โดยโรงงานผลิตของเล่นในสหรัฐ ฯ นามว่า Kenner ภายใต้concept ที่อยากสร้างเอกลักษณ์ความแตกต่างให้เกิดขึ้นกับตุ๊กตาดังนั้นโมเดลตุ๊กตาทั้ง 4 แบบ ชื่อ Blythe , Karess , willow และ Skye จึงถูกคิดค้นขึ้นมา หลังจากนั้น Kenner ได้ว่าจ้างดีไซเนอร์นักออกแบบของเล่นอย่าง Allison Katzman จาก Marvin Glass & Associates หนึ่งในสตูดิโอออกแบบของเล่นที่สำคัญและมีชื่อเสียงที่สุดในโลกให้ดีไซน์ปลุกปั้นตุ๊กตา Blythe ฉบับออริจินัลขึ้น แล้วนับแต่นั้นมา เด็กๆทั้งหลายก็ได้รู้จักกับของเล่นชิ้นใหม่ชิ้นนี้ตุ๊กตากับเด็กผู้หญิงถือเป็นของคู่กันตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวด ยิ่งตุ๊กตาที่สามารถเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว เปลี่ยนทรงผมได้เหมือนคนจริงๆ เด็กผู้หญิงยิ่งให้ความสนใจมากเหมือนกับช่วงที่ตุ๊กตาบาร์บี้ออกมาใหม่ๆด้วยความที่เปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวได้ เปลี่ยนทรงผมได้ตามใจชอบ บวกกับรูปลักษณ์ที่คล้ายเจ้าหญิงทำให้เด็กสาวหลายคนชอบใจมีเก็บสะสมไว้ในบ้านกันเป็นแถว มาถึงยุคนี้ก็มีตุ๊กตาเกิดใหม่อีกแบบหนึ่งชื่อว่าตุ๊กตาบลายธ์
ตุ๊กตาบลายธ์เป็นตุ๊กตาแนวเดียวกับบาร์บี้สามารถเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวได้ตามใจเจ้าของ มีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงที่หัวใหญ่ ตัวเล็ก ตาโต ขนตาเด้ง หน้าตาบ้องแบ๊ว อันที่จริงตุ๊กตาบลายธ์มีอายุมากกว่า 30 ปีแล้วต้นกำเนิดอยู่ที่โรงงานทำของเล่นเค็นเนอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้สร้างเจ้าตุ๊กตาบลายธ์ตัวนี้ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2515 เพื่อเอาใจเด็กสาวๆด้วยลูกเล่นแปลกใหม่ มีทรงผมให้เลือก 4 แบบ สไตล์เสื่อผ้าแนวใหม่ 12 ชุด แถมเวลากระพริบตาสีที่เปลือกตาก็จะเปลี่ยนสลับกันไปมาทุกครั้งเป็นสีเขียว ส้ม ชมพู น้ำเงิน ตามลำดับ แต่วางขายได้เพียงปีเดียวก็ต้องปิดกิจการไป ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ล้ำสมัยเกินไป วัยรุ่นสาวๆในตอนนั้นจึงรู้สึกว่าน่ากลัวมากกว่าน่ารัก ทำให้ไม่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเท่าที่ควร จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2545 Gina Garan ช่างภาพสาวมือสมัครเล่นได้รับตุ๊กตาบลายธ์เป็นของขวัญจากเพื่อน ด้วยความชื่นชอบตุ๊กตาเป็นชีวิตจิตใจ เธอจับตุ๊กตาบลายธ์แต่งตัว ทำผม ตามสไตล์ของเธอ แล้วได้ถ่ายภาพเก็บไว้ ต่อมาเธอจึงจัดนิทรรศการภาพถ่ายของตุ๊กตาที่เธอถ่ายไว้ขึ้น และได้ทำสมุดภาพถ่ายจนเป็นที่โด่งดังไปทั่ว ตุ๊กตาบลายธ์จึงได้รับความสนใจนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทายาทของบริษัทเค็นเนอร์ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธ์ตุ๊กตาบลายธ์จึงยกสิทธ์ให้บริษัท Takara ของประเทศญี่ปุ่นไปพัฒนารูปแบบของตุ๊กตาให้ทันสมัยกว่าเดิม แล้วออกวางจำหน่าย จนเป็นที่นิยมชมชอบของวัยรุ่นสาวๆทั้งหลายทั่วโลก
ตุ๊กตาบลายธ์ยังเป็นที่นิยมของดาราหลายคน ชอบสะสม และแต่งตัวตามลักษณะของตัวเอง ให้น้องบลายธ์เป็นสัญลักษณ์แทนตนเอง
การเล่นบลายธ์เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อย่างหนึ่ง เป็นกิจกรรมนันทนาการได้เลย หรือนำเอาไปประกอบอาชีพได้ สำหรับใครที่ชอบแต่งตัวน้องบลายธ์เราก็มีแนวต่างๆมาให้ดูเป็นตัวอย่างในการตกแต่งน้องบลายธ์

รูปน้องบลายธ์น่ารักๆ












ผู้ที่สนใจในการแต่งตัวน้องบลายธ์ สามารถแต่งตามได้อีกมากมายนะค่ะ